อันแรกเลย ทางที่เราพูดๆกันน่ะ มันคือ อะไรครับ
มันหมายถึง ตัวดอกลำโพงที่เรานำมาใช้ ในระบบเสียง ของเรา เพื่อจะตอบสนองความถี่ ทั้งย่าน 20 - 20,000 Hz ครับ คือ เป็น ทางออก ของเสียงนั่นเองครับ
ทีนี้ ความถี่ 20 Hz หมายถึง เราต้อง สั่นลำโพง 20 ครั้ง ต่อวินาที
ความถี่ 20,000 Hz หมายถึงเราต้องสั่น ลำโพง 20,000 ครั้งต่อวินาที เราจึงจะสามารถ ผลิต สร้างเสียงให้ดังผ่านลำโพงออกมาได้ ยิ่งต้องการความดังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่ง จะต้องให้การขยับสั่นของลำโพง ในแต่ละครั้ง นั้นมีความ รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ลองนึกตามดูนะครับ
แค่ความต่าง 20 - 20,000 นี่ก็ต่างกันมากอยู่แล้ว
ความยาวคลื่น 20 Hz อยู่ที่ประมาณ 17 เมตร
ความยาวคลื่น 20,000 Hz อยู่ที่ประมาณ 1.7 เซ็นติเมตร
เราจะเห็นได้ว่า แตกต่างกันมากทีเดียว
ทีนี้ โดยทั่วไป หากเราฟังไม่ดังนัก และ ครอบคลุมย่านความถี่ไม่กว้างมากนัก เช่น ฟังเพลงคนเดียว เพลินๆ ครอบคลุมย่านความถี่ สัก 100 Hz - 8 KHz ก็พอแล้ว นำเสียงพอฟังได้ อย่างนี้เราจะเห็น วิทยุ transister ทั่วไป ที่มีลำโพง woofer เล็กๆดอกเดียว ก้สามารถตอบสนอง ความต้องการได้แล้ว อย่างนี้เราเรียกว่า ไอ้เจ้าลำโพงในวิทยุนี่เป็นแบบ ทางเดียว (ก็ตัวเดียวนี่แหละ ที่เป็น ทางออก ของเสียง ทั้งย่านไงครับ) หากเราเพิ่มลำโพงเข้าไปอีกสักดอกนึงเล็กๆ แล้วสร้างวงจรแบ่งความถี่ ระหว่าง เสียงต่ำ กับ เสียงสูง โดยให้เสียงต่ำ ไปออก ที่ลำโพง Woofer ตัวเก่า เสียงแหลม ไปออกที่ลำโพงตัวใหม่ที่เราเพิ่มขึ้นมา อย่างนี้ เราเรียกว่า ลำโพงสองทาง ครับ ( มีลำโพงสองตัว ช่วยกันทำงาน ในแต่ละย่านความถี่ แตกต่างกัน)
คงพอเข้าใจนะคับ ทีนี้จะเปิดดังๆ ฟังกันทั้งบ้า แถมอยากได้คุณภาพสะใจ วัยรุ่น เสีย เบส ต้องกระแทก เสียงแหลมละเอียดคมชัด มันก็เลยต้อง ร่วมด้วยช่วยกันครับ เสียงต่ำ เคลื่อนไหวช้า กินพลังงานมาก ก็หากลำโพงใหญ่ๆ มารับหน้าที่ผลิตเสียงต่ำ เสียงแหลม กินพลังงานน้อย แต่ต้องสั่นเร็วมากๆๆๆ ก็หาวัสดุเบาๆมาผลิตเป็นลำโพงละกัน มันจะได้พริ้วดี
(Key คือ อยากได้ ความดัง และคุณภาพ )
มนุษย์เรามีความต้องการไม่สิ้นสุด มันก็เลย บานปลาย จากทางเดียว เป็น สองทาง single amp เป็น สองทาง bi amp เป้นสามทาง single amp สามทาง bi amp สามทาง tri amp และกลายเป็น สี่ทาง ห้าทาง ไปเรื่อยไงครับ
หลายทาง ให้ คุณภาพเสียงดี กว่า ทางเดียว ครับ
เอาละตอบคำถาม ดีกว่า
อันดับแรก ดูความต้องการของเราก่อนว่าอยากได้อะไร คุณภาพ แบบไหน ความดังเท่าไร
อันดับสอง หลายทาง ลำโพงที่ใช้ มีน้ำเสียงที่เหมาะสม ระหว่างลำโพง ที่จะมาร่วม ผลิตเสียง เข้ากันได้หรือไม่
อันดับสาม crossover ที่จะใช้ กับ power amp จะเป็น ระบบไหน (มีผลต่อสตางค์มาก)
อันดับสี่ หาความรู้เยอะๆ เรื่อง crossover และ เรื่อง phase การกำนดจุดตัดแบ่งความถี่เป็นเรื่อง ซับซ้อนพอสมควรครับ
แล้วจุดตัดมันขึ้นอยู่กับอะไรบ้างครับ
จุดตัด crossover นั้น ต้องดู ค่าการตอบสนองความถี่ ของดอกลำโพงแต่ละดอก เป็นหลักเลยครับ
ลำโพง MID-HI 50Hz-20KHz ลำโพง LOW 30Hz-350Hz ควรตั้งจุดตัดไว้ที่เท่าไหร่ครับ สอบถามเพื่อเป็นแนวทางครับ
มันต้องแล้วแต่เราอะครับ ว่า ใช้ตู้แบบไหน อยากได้แนวเสียงแบบไหน มันตอบยาก อยากตอบให้นะครับ แต่มันกว้างมากจริงๆครับ
ลำโพง MID-HI 50Hz-20KHz ลำโพง LOW 30Hz-350Hz ถ้าคู่นี้ ต้องดู graph frequency responds ประกอบครับ ตัว mid high มันลงได้ลึกเหลือเกิน จนน่าทำเป็น full range มากว่ามังครับ จะได้ ไม่มี phase shift ระหว่างจุดตัดด้วยครับ ความคิดผมนะครับ ที่เราต้องดู graph เผื่อว่าจะ overlap กันอาจดีกว่า แยกขาดเลยก็ได้ครับ
ถ้าเป็นลำโพง สองทาง ผมชอบ 15" กับ Horn ครับ
ขอบคุณที่มา ADDY http://www.soundkrub.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น