วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Speaker Sensitivity คาความไว

คือการวัดความไวของลําโพง โดย การสงซายเวฟ
เขาไปที่ลําโพง ขนาด หนึ่งวัตต และวัดความดัง
โดยเอาไมควัดความดังหางจากลําโพงออกมา
หนึ่งเมตร แลวไดความดังออกมาเปนดีบีคาตัวเลข
ยิ่งมาแสดงวาลําโพงมีความไวสูง ลําโพงที่มี
ความไวสูงจะไดเปรียบนิดหนอยเมื่อใชกับแอมปวัตต
ต่ำเทียบกับลําโพงที่มีความไวต่ำกวาเทียบ
กันวัตตตอวัตตแตทั้งนี้ทั้งนั้น ลําโพงความไวสูงไมได
แปลวาเสียงดังกวาในที่สุดเพราะตองดูคาMAX SPL
หรือ Maximum Sound Pressure Level
วาตัวไหนมีคามากกวาดวย ซึ่งเปนตัวบงบอกวา
ลําโพงตัวนั้นสามารถเปดไดดังที่สุดเทาไหรครับ
ระยะหาง 1 M (เมตร) นี่ตองวัดจากระยะที่ดอก
ลําโพงกระแทกอากาศออกมาเปนเสียงแรกจนไปถึง
ไมคครับวัตตเทาไรถึงจะพอ (How Many Watts are Enough?) .
นับตั้งแต Micheal Faraday คนพบกระแสไฟฟา
Edison คนพบหลอfไฟและเครื่อง Grammophone
สวน Marconi คนพบการสงคลื่นวิทยุ โลกของ
ไฮไฟก็อุบัติขึ้นหลังจากการถือกําเนิดของหลอดสูญญากาศ
อันที่จริงในยุคเริ่มตนของหลอดสูญญากาศ
หลอดสวนใหญถูกใชอยูในเครื่องรับสงวิทยุ สวนการผลิตออก
มาในรูปของเครื่อเสียงนั้นเกิดขึ้นยุคถัดมา
เครื่องขยายหลอดในยุคแรกๆมีกําลัง
วัตตต่ำมากเปน มิลลิวัตต แมในโรงภาพยนตร
เองก็ใชเครื่องขยายขนาดประมาณ 10 วัตตเทานั้น
หลอดที่ใชก็จะเปนพวก 300B เสีย สวนใหญ
เมื่อเครื่องขยายมีกําลังต่ำมากในยุคเริ่มตนของไฮไฟ
ก็ยอมตองเปนหนาที่ของลําโพงที่
ตองชดเชยจุดออนนี้ โดยการสรางลําโพงที่
สามารถใหเสียงไดดังมากๆที่วัตตนอยๆ
หรือเปนลําโพงแบบ High Efficiency Loudspeaker
นั่นเอง การออกแบบลําโพงใหมี
ความไวสูงมากๆจึงเปนเรื่องที่จําเปน
ลําโพงสวนใหญในยุคนั้นลวนมีความไวเกิน 100 dB
แทบทั้งสิ้น ลําโพงแบบประสิทธิภาพสูงก็มี
ขอดีขอดอยของตนเอง ขอดีคือ ความไวของลําโพง
สวนขอดอยคือการตอบสนองความถี่เสียง
ที่ไมราบเรียบโดยเฉพาะเสียงทุม การออกแบบให
ลําโพงมีความไวสูง ตองออกแบบใหมวล
ที่เคลื่อนที่ต่ำที่สุดหรือเบาเพื่อไมใหเสียกําลังขับ
เคลื่อนมากนัก การขับเสียงความถี่สูงไมเปนปญหา
แตกับความถี่ต่ำแลวมักจะเปนจุดออนของลําโพง
ประเภทนี้ลองคํานวณดูคราวๆจาก สูตร
ลําโพงความไว 86 dB ลําโพงความไว 103 dB
1W 86 dB 1W 103 dB
2W 89 dB 2W 106 dB
4W 92 dB 4W 109 dB
8W 95 dB 8W 112 dB
16W 98 dB 16W 115 dB
32W 101 dB
64W 104 dB
100W 106 dB
จากตารางการเปรียบเทียบขางบน เราจะพบ
วาทั้งสองชุดใหเสียงไดดังที่สุดเทาๆกัน
คือ 106 dB ซึ่งอาจเปนเรื่องที่นาแปลกใจที่
แอมปขนาด 100 W ใหเสียงไดดังเทากับ
แอมปหลอด 2 W แตนี่คือความจริงที่
ไมอาจปฏิเสธได เราจะพบวาสิ่งที่ตัดสินความดัง
ไมไดขึ้นกับแอมปแตขึ้นกับลําโพงตางหาก
ลําโพงที่มีความไวสูงยอมใหเสียง
ไดดังกวาลําโพงความไวต่ำและไมกินวัตต
เครื่องขยายเสียงก็สามารถทํางานไดแบบ
สบายๆโดยไมตองรับภาระมากนัก เรื่องยังไม
จบงายๆครับ เพราะยังพูดถึงคุณ
สมบัติของลําโพงไมครบ ในโลกของความเปน
จริงจากตัวอยาง เดิม ถาลําโพง
ความไว 86 dB ทนกําลังขับสูงสุดได 100 W
สวนลําโพงความไวสูงทนได 16 W แลวจะเปน
อยางไร จากตารางการเปรียบเทียบระหวาง
กําลังขับและระดับความดังของเสียงดานบนอีก
เชนเคย พบวาลําโพงความไว 86 dB ใหความดัง
สูงสุดที่ 106 dB ที่อัตราการทนกําลังสูงสุดที่รับได
สวนลําโพง ความไว103 dB ใหความดังสูงสุดที่ 115 dB ที่
อัตราการทนกําลังสูงสุด เราจะพบวาลําโพงความ
ไวสูงแตทนกําลังไดต่ำเพียง 16 W กลับใหเสียงที่ดัง
กวาลําโพงที่ทนกําลังไดถึง 100 W ดังนั้นการเลือกกําลัง
แอมป์และลําโพงที่เหมาะสมจึงเปนสวนสําคัญของการเลน เครื่องเสียง
การเลือกแอมปใหเหมาะกับลําโพงหรือเลือกลําโพงใหเหมาะ
กับแอมปมีผลอยางมาก ตอคุณภาพเสียง
ตัวแปรที่มักถูกมอง ขามคือคาความไวของ
ลําโพงที่เปนตัวกําหนดทิศทางของชุด
เครื่องเสียงโดยรวม มากกวากําลังของ
แอมปที่ใช บทความคงเปนประโยชนในแง
ทิศทางการเลนเครื่องเสียง การเลือกกําลัง
ขับของแอมปที่เหมาะสม ตลอดจนการเลือกคา
ความไวของลําโพงที่เหมาะกับ System ในภาพรวม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น